วัตถุดิบและเครื่องปรุง 
1. กุ้งสดตัวใหญ่แกะเปลือกผ่าหลัง 5 ตัว

2. หมึกกล้วยบั้งหั่นชิ้น 100 กรัม

3. เนื้อปลากระพงแล่ 100 กรัม

4. เห็ดฟางผ่าครึ่ง 100 กรัม

5. น้ำพริกเผาต้มยำ 2 ช.ต.

6. น้ำปลา 3 ช.ต.

7. น้ำมะนาว 3 ช.ต.

8. นมข้นจืด 3/4 ถ้วยตวง

9. ข่า 7 แว่น

10. ตะไคร้หั่นแฉลบ 2 ต้น

11. ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ

12. หัวหอมแดงแกะเปลือกทุบ 3 หัว

13. พริกขี้หนูบุบพอแตกตามชอบ

14. ผักชีฝรั่งหั่น 1 ต้น

15. ผักชีไทยหั่น 1-2 ต้น

16. น้ำต้มโครงไก่หรือกระดูกหมู 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ

1. เอาน้ำต้มโครงไก่หรือน้ำต้มกระดูกใส่หม้อ ใส่ข่า หอมแดง ตะไคร้ นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด

2. ใส่เนื้อปลา ตามด้วยเห็ดฟาง และน้ำพริกเผา ขั้นตอนนี้อย่าเพิ่งคน รอให้น้ำแกงเดือดก่อนจึงสามารถคนได้

3. พอเดือดรีบปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นจึงใส่กุ้งและหมึกลงไป ตามด้วยใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง รอจนเดือดจึงใส่นมข้นจืด คนให้เข้ากันแล้วรีบปิดไฟ

4. ใส่ผักชี พริกขี้หนู และน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติตามชอบ แล้วจึงพร้อมตักเสิร์ฟ
เคล็ดลับความอร่อย

การใส่ใบมะกรูดทีหลัง จะช่วยให้ความหอมกำลังพอเหมาะ ตลอดจนกลิ่นและรสไม่เปลี่ยน

การใส่นมข้นจืดแล้วรีบปิดไฟทันที จะช่วยให้น้ำแกงเข้มข้น และไม่ตกตะกอน นอกจากนี้ยังช่วยลดอุณหภูมิในน้ำแกงลง ทำให้กุ้งและหมึกยังคงมีความหวาน กรอบเด้ง ไม่หดตัว หรือเหนียวแข็ง

การต้มข่าตะไคร้ ควรแค่พอเดือด แล้วจึงใส่เนื้อสัตว์ อย่าปล่อยให้เดือดนาน เพราะจะทำให้กลิ่นสมุนไพรเปลี่ยน และน้ำแกงออกรสเฝื่อน

หลังจากใส่เห็ดลงไปแล้ว ไม่ควรต้มนาน เพราะสัมผัสกรอบหวานแบบธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปทำให้ขาดความอร่อย

ควรปรุงรสเปรี้ยวจากน้ำมะนาวสด และรสเผ็ดจากพริกหลังจากปิดไฟแล้ว เพราะจะทำให้น้ำแกงมีกลิ่นหอมจากความสด และน้ำมะนาวไม่แปรสภาพจนออกรสขม