ขนมหยกมณี ขนมไทยหากินยาก
_ เตรียมแกะข้าวโพดหวาน...ให้เป็นเม็ดๆ ใช้ข้าวโพดที่ใหม่ จะให้รสหวานตามธรรมชาติ ใช้ข้าวโพดดิบ เราไม่ต้องเอาไปนึ่งคะ
- แห้ว ใช้แห้วสดมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ แห้วที่เราใช้เค้ามักจะใส่สารฟอกขาวมา หากมีเวลาให้ล้างน้ำไหลสัก 2-3 ครั้ง จากนั้นใส่น้ำนำเข้าแช่ตู้เย็น 3 วัน ก็พอจะช่วยได้ในเรื่องกลิ่นจากสารฟอกขาว
- ลูกเดือย...จะค่อนข้างใช้เวลานาน ลูกเดือยมีขี้ผงเยอะมาก คัดเม็ดเสียออก แช่น้ำถูด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ล้างหลายๆน้ำ แช่ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงหรือแช่ทิ้งข้ามคืน จากนั้นเอาไปต้ม ลูกเดือยจะสุกไว ถ้าล้างแล้วต้มเลยก็ได้ แต่จะเปลืองแก๊สเพราะใช้เวลาต้มนานมาก ต้มสุกแล้วก็สงใส่กระชอนไว้
- ข้าวบาร์เล่ห์ก็ทำวิธีการอย่างเดียวกะลูกเดือย แต่ข้าวบาร์เล่ห์เม็ดเล็กกว่า...จะสุกไวกว่าค่ะ ต้มสุกแล้วก็สงใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- มะพร้าวอ่อน..ใช้ช้อนตักเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
วิธีการเลือกมะพร้าวอ่อน ให้ใช้สันมีดเคาะตรงก้นกะลา ฟังเสียงดังบุ..บุ (ไม่ใช่แป๊ง..แป๊งนะคะ)ให้มีดมันเด้งดีดขึ้นมา นั่นแหล่ะคือมะพร้าวอ่อนขนาดกำลังควัก เนื้อจะไม่เละ
- เผือก...ใช้เผือกหอม นำมาล้างสิ่งสกปรกที่ผิวออกให้หมด ทิ้งไว้่ พอผิวแห้งแล้วนำมาปอก หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
(ห้ามล้างไม่งั้นจะคันมือแบบลิงเกาไม่หยุด) ต้มในน้ำเดือดจัดให้สุก แต่ระวังอย่านานนัก เดี๋ยวจะเละ
ต่อไปให้เตรียมน้ำสี สีแรกจากใบเตยก่อนใช้เตยหอม เอาใบเตยมาล้างรูดหัวจรดปลาย หั่นฝอย เอาปั่นกับน้ำสะอาด กรองด้วยผ้าขาวบาง ขอให้นำน้ำใบเตยไปปั่นกับใบเตยที่เหลือ 1 รอบ จะได้สีของใบเตยที่เข้ม ขนมจะมีสีสวยกว่าปั่นครั้งเดียว
ข้อแนะนำคือ น้ำใบเตยที่ได้ เมื่อปั่นแล้วต้องกวนขนมหยกมณีทันที ไม่งั้นน้ำใบเตยจะตกตะกอน และสีจะซีดลงไปเรื่อยๆ
สีเหลืองจากฟักทอง...ให้เอาฟักทองปอกเปลือก ล้างแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงเครื่องปั่น ใส่น้ำสะอาดพอประมาณ
ปั่นเสร็จแล้วก็พักไว้ เวลากวนให้ใช้ช้อนคนน้ำฟักทองก่อนตวงนะคะ
เพราะหากทิ้งไว้นานๆ เนื้อฟักทองจะตกตะกอนนอนก้น ในการกวนหยกมณีเราใช้ฟักทองดิบเอาไปปั่นกับน้ำสะอาด
ส่วนการทำบัวลอยเราเอาฟักทองไปนึ่ง ไม่เหมือนกันนะคะ
สีส้มจากแครอท เมื่อล้างแล้วปอกผิวออก ผ่าครึ่งตามยาวน้ำเข้าเครื่องแยกกาก ใช้น้ำแครอทล้วนๆในการกวนหยกมณี จะได้เนื้อขนมที่มีสีสวยมาก
จะได้น้ำแครอทที่ส้มจริงๆ ส่วนแครอทหัวใหญ่ๆไส้กลางจะโปร่งและเป็นสีส้มอ่อน เวลากวนจะได้สีส้มอ่อนๆ
สีแดงจากบีทรูท ล้างให้สะอาด ปอกผิวหั่นเป็นแว่น นำเข้าเครื่องแยกกาก
สีชมพูจากแก้วมังกรแดง เอาแต่เนื้อมาทำ จะไม่ปั่นจนเมล็ดแตก...
ปั่นแค่เนื้อเหลว จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางหลายๆรอบ เอาเมล็ดออกให้หมด จะได้ไม่มีสีดำๆมาเกะกะลูกตา
ดอกอัญชันเราสามารถนำมาทำสีขนมได้ถึง 3 สีคือ จางๆเป็นสีฟ้า เข้มข้นเป็นสีน้ำเงิน
แล้วสีม่วงเอาน้ำอัญชันมาผสมกับน้ำแก้วมังกรแดง (อัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง)
สีน้ำตาลกาแฟ น้ำ 1 ถ้วยตวงเราก็เอาเป็นกาแฟชงแบบเข้มข้น
*****สีต่าง ๆ ที่เป็นน้ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นแครอท ใบเตย อัญชัน แก้วมังกรแดง
หรือแม้กระทั่งน้ำฟักทอง เราใช้ในอัตราส่วนที่เท่ากันหมดคือ 1 ถ้วยตวงต่อสาคู 500 กรัม****
มีข้อแนะนำในการเลือกกะทะกวน ขอให้ใช้กะทะเทปล่อนขนาด 32 ซม. จะกวนได้ครั้งละ 1/2 กก.
(อย่าใช้กะทะทองเหลืองนะคะ เพราะจะร้อนไวมาก ขนมจะไหม้)
ตั้งกะทะเทปล่อนขนาด 32 ซม. ใส่น้ำสีจากพืชผักที่เราต้องการลงไป 1 ถ้วยตวง ตามด้วยมะพร้าวอ่อน 3 ทัพพีตักข้าว
แห้วดิบหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ทัพพีตักข้าว ใช้ไม้พายคนไปเรื่อยๆ จนเริ่มมีฟองเดือดปุดๆที่ขอบกะทะ
ก็ให้เทสาคูที่สงไว้ลงไปทั้งหมด กวนด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรง
จนกว่าสาคูจะเริ่มใสแบบนี้. .(สามารถยกติดไม้พายขึ้นมาได้ทั้งลูก)
ก็ให้ใส่น้ำตาลทรายลงไปครึ่ง กก. น้ำตาลจะค่อย ๆ ละลาย
เราก็เอาพายกวน ๆ บี้ ๆ ให้สาคูกระจาย ทั่วน้ำตาล
กวนไปเรื่อยๆจนน้ำตาลเริ่มงวด สาคูเริ่มใส
ให้ใส่ข้าวโพดหวานลงไป 3 ทัพพีตักข้าว ข้าวบาร์เลย์ต้มสุก 1 ทัพพีตักข้าว
ลูกเดือยต้มสุก 1 ทัพพีตักข้าว เผือกต้มสุกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ทัพพีตักข้าว
กวนจนเหนียวสามารถยกขึ้นมาติดไม้พายได้ทั้งลูก ปิดไฟ เทลงถาด
หากขนมเหนียวได้ที่จะกองเป็นก้อนบนถาดแบบนี้ หากขนมย้วยไหล แสดงว่ากวนยังไม่ได้ที่(กวนใช้เวลาประมาณ 20 นาทีต่อ 1 สูตรค่ะ)
ต่อไปเป็นวิธีการเลือกมะพร้าวที่จะมาขูดคลุกกับขนม เคาะแล้วให้ได้ยินเสียงบุๆ ถ้าดังแป๊งๆแสดงว่ามะพร้าวนั้นแก่เกินไป
หลังจากเคาะแล้ว...ให้พลิกก้นกะลาดู ให้สังเกตุจีบเป็นรูปสามเหลี่ยมสีดำแบบนี้ดูผิวของกะลาด้วยให้ผิวมีความดำประมาณ 1 ในสามของลูกมะพร้าว
เมื่อได้มะพร้าวแล้วให้เอาไปล้างน้ำก่อนผ่า เพราะมะพร้าวที่ขาวแบบนี้แม่ค้าเขาแช่สารฟอกขาวมา
เพื่อให้มะพร้าวมีสีผิวสวยงามไม่ดำค่ะ มือเราไปจับโดยตรงมันจะเป็นอันตรายกับคนกิน ให้ล้างน้ำ 1 รอบก่อนผ่า
โดยขูดวนจากขอบกะลาลงไปเรื่อยๆ ขูดอย่างเบามือ จะได้มะพร้าวเส้นเล็ก ยาว และสวยงาม
เวลาขูดอย่าขูดให้ถึงกะลา ไม่งั้นจะติดรสฝาดของผิวกะลา มะพร้าวเวลาเอาไปนึ่งก็จะมีเส้นสีน้ำตาล ไม่สวย
ส่วนที่เหลือติดก้นกะลา ไม่ต้องเสียดาย เพราะเราสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ เป็นส่วนที่นุ่มที่สุดของมะพร้าว
ใช้ช้อน ตะแคงช้อนแบบเอียงๆ ค่อยๆตักออกมา เพื่อใส่ลงไปในการกวนขนมกะทะ
เมื่อขูดมะพร้าวเสร็จ เวลาจะกินให้เอาไปเข้าไมโครเวฟ 4 นาที สำหรับปริมาณที่น้อย ๆ จากนั้นมาอบด้วยควันเทียน 1 ชั่วโมง
เอามะพร้าวมาคลุกเกลือเล็กน้อย (ใช้ชิมมะพร้าวทุกครั้ง เค็มไปแก้ด้วยการเติมมะพร้าวลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน)
ใช้ข้อนตักแค่พอคำ ลงคลุกในมะพร้าว กลิ้งให้ติดมะพร้าวให้ทั่ว จัดเรียงลงจาน พร้อมเสริฟ์ส่วนการอบควันเทียนนั้น เราอบที่มะพร้าวไม่ได้อบที่ขนม หลังจากเวฟมะพร้าวขูด 8 นาที ในปริมาณเวฟมะพร้าวเยอะ ๆ
แล้วเอามะพร้าวมาพักรอให้คลายความร้อน จากนั้นจุดเทียนอบ 2 อันคู่ ให้ไฟติดลุกมากๆ ดับไฟข้างนอก
รีบใส่เทียนลงในหม้อ ปิดฝาแล้วหาอะไรทับไว้อย่าให้ควันเทียนลอดออกมา
(อย่ารอให้เทียนไหม้จนมีควันสีดำ แบบนี้มะพร้าวจะไม่หอม) อบประมาณ 1 ชั่วโมง หรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมงค่ะ
ถ้าจะแบ่งทำก็สามารถกวนได้ต่ำสุดสาคู 3 ขีด ต่ำกว่านั้นจะกวนติดก้นกะทะ สำหรับกระทะไซร้ที่บอกนะคะ
น้ำสีใช้ 2/3 ถ้วยตวง น้ำตาลเหลือ 3 ขีดค่ะ จำให้แม่นๆว่าใช้สาคูกี่ขีดก็ใช้น้ำตาลทรายเท่านั้น
แต่ถ้าเราลดขนาดกระทะลง ก็ลดสูตรได้อีก ปรับเอาตามสะดวกคะ
ตอบ....เราสามารถเก็บในตู้เย็นได้อีก 2-3 วัน โดยแรฟด้วยพลาสติกใสแบบยังไม่คลุกมะพร้าว และเก็บในตู้เย็น
เวลาจะกินก็เอาออกมาอุ่นซึ้ง และคลุกกับมะพร้าวอีกทีนึงแต่สีของขนมจะซีดลงเรื่อย ๆ
ตามระยะวันเวลาที่เก็บ ความหนึบก็จะลดลง
แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นนะคะ ขนมนี้เป็นขนมกินสด
แม้มะพร้าวจะนึ่งและอยู่ในความเย็นก็ตาม ความหอมและความหนืดของขนมจะลดลง
สีจะซีดลงไปเรื่อยๆเพราะเป็นสีจากธรรมชาติ บางคนเก็๋บไว้ได้ 7 วัน (แต่ขนมจะแข็งขึ้น)
เวลากินต้องเอามาเข้าไมโครเวฟก่อน